fbpx

หากจะพูดถึงรายการโทรทัศน์ประเภทวาไรตี้ทอล์ค ไม่มีใครไม่รู้จักรายการ “ตีสิบ” อย่างแน่นอน ซึ่งวิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ คือชื่อที่ใครหลายคนคุ้นเคย นับตั้งแต่การได้เป็นผุ้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศที่มีวิธีการนำเสนอที่แปลกใหม่ จนมาเป็นพิธีกรรายการ Late Night ของเมืองไทยอย่าง “ที่นี่ กรุงเทพฯ” ภายใต้การผลิตของ แปซิฟิค อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ที่ออกอากาศทางช่อง 7 สี จนกระทั่งการตัดสินใจครั้งสำคัญ คือการลาออกมาทำรายการ “สี่ทุ่มสแควร์” ในช่องเดียวกัน และสุดท้ายจบด้วยการมาตั้งบริษัทของตนเองเพื่อผลิตรายการ “ตีสิบ” นั่นเอง

จากวันนั้น จนถึงวันนี้ แน่นอนว่ากว่า 40 ปีที่วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ ได้โลดแล่นในวงการโทรทัศน์ก็คงจะถึงจุดอิ่มตัวแบบเต็มที่ จึงตัดสินใจปิดตัวรายการ “ตีสิบเดย์” ในที่สุด ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ได้เผยแพร่สู่สาธารณชนเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 และรายการจะออกอากาศตอนสุดท้ายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 

วันนี้เราเลยขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักบริษัท พร้อมข้อมูลที่น่าสนใจให้ได้ติดตามกัน ผ่านเรื่องเล่าในบทความนี้

เจาะลึกรายได้บริษัท “ตีสิบเดย์”

ในส่วนของบริษัทที่รับผลิตรายการตีสิบเดย์นั้น คือ บริษัท ทเว็นตี้ ทเว็นตี้ เอ็นเทอร์เทนเมนต์ จำกัด ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่บนชั้น 14 ของอาคารลุมพินี ทาวเวอร์ ตรงข้าม One Bangkok โดยมีกรรมการ ได้แก่ นายวิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ (ถือหุ้นร้อยละ 51), นางวรรณณาส์ สุนทรวิเนตร์ (ถือหุ้นร้อยละ 48.98), นางสาวนัทธชา ดอว์น สุนทรวิเนตร์, นางสาวลีลา นลิล สุนทรวิเนตร์ และนางสาวนัทลี สุนทรวิเนตร์ ซึ่ง 3 คนสุดท้ายคือลูกของนายวิทวัจน์-นางวรรณณาส์ สุนทรวิเนตรด้วย

สำหรับ บจก.ทเว็นตี้ ทเว็นตี้ เอ็นเทอร์เทนเมนต์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2540 ภายใต้ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 2 ล้านบาทในภายหลัง ซึ่งในปี 2566 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 73.44 ล้านบาท และมีหนี้สินเพียง 4.9 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนรายได้ย้อนหลัง 5 ปีนั้น บริษัทมีรายได้ดังต่อไปนี้

  • ปี 2562
    รายได้รวม 108.75 ล้านบาท
    ขาดทุนสุทธิ 6.50 ล้านบาท
  • ปี 2563
    รายได้รวม 78.59 ล้านบาท
    กำไรสุทธิ 3.08 ล้านบาท
  • ปี 2564
    รายได้รวม 77.24 ล้านบาท
    กำไรสุทธิ 1.83 ล้านบาท
  • ปี 2565
    รายได้รวม 60.06 ล้านบาท
    ขาดทุนสุทธิ 2.17 ล้านบาท
  • ปี 2566
    รายได้รวม 50.22 ล้านบาท
    ขาดทุนสุทธิ 11.11 ล้านบาท

รู้จักที่มาของชื่อบริษัท และรายการที่ทำอยู่

สำหรับที่มาของชื่อ 2020 ENTERTAINMENT นั้น มีแรงบันดาลใจมาจากหน่วยค่าสายตาที่ใช้ในจักษุวิทยา ซึ่งโดยปกติค่าคมชัดสายตาจะอยู่ที่ 20/20 อันเปรียบเทียบได้ว่าสิ่งที่บริษัทจะนำเสนอผ่านหน้าจอโทรทัศน์จะมีเนื้อหาเข้มข้นและชัดเจนอยู่เสมอ โดยการก่อตั้งบริษัทนั้นเกิดขึ้นหลังวิทวัจน์ตัดสินใจปิดรายการ “สี่ทุ่มสแควร์” ที่ออกอากาศทางช่อง 7 สี และมาเริ่มต้นผลิตรายการ “ตีสิบ (AT TEN)” ทางช่อง 3 โดยคำว่าตีสิบ มาจากเวลาออกอากาศในช่วงนั้นคือ 22:00 น. ที่คนไทยสมัยก่อนมักจะเรียกว่า “ตีสิบ” เนื่องจากนาฬิกาหมุนมาที่เลข 10 นั่นเอง

นอกเหนือจากนั้นในปี 2556 บริษัทยังได้ก่อกำเนิดรายการ “ดันดารา” ที่แตกช่วงออกมาจากรายการตีสิบ เพื่อเป็นพื้นที่ให้คนทางบ้านมาแสดงความสามารถของตนเอง โดยมีธีมของแต่ละสัปดาห์และคณะกรรมการที่ให้ความสนุกสนานร่วมด้วย โดยจนถึงปี 2559 มีผู้สมัครสะสมรวมกว่า 12,000 คน และมีผู้สมัครที่ได้ออกรายการรวมกันมากกว่า 3,400 คนเลยทีเดียว

ณ ปัจจุบัน บจก.ทเว็นตี้ ทเว็นตี้ เอ็นเทอร์เทนเมนต์ ยังคงมีรายการที่ดำเนินการออกอากาศทั้งบนออนไลน์และบนโทรทัศน์ ได้แก่ รายการตีสิบเดย์ ออกอากาศทางช่อง 3HD ในวันเสาร์ เวลา 15:00 น. โดยตอนสุดท้ายจะออกอากาศในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2567 และยังมีรายการออนไลน์ในชื่อ “MINDSET เศรษฐี” ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดีเว้นพฤหัสบดี เวลา 19:00 น. ทาง YouTube : 2020 ENTERTAINMENT

ซึ่งปัจจุบันนี้ช่องทางออนไลน์ของ 2020 ENTERTAINMENT มียอดผู้ติดตามรวมเป็นจำนวนมาก เช่น YouTube : 2020 ENTERTAINMENT ที่ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามอยู่ที่ 2.86 ล้านคน, Facebook : ตีสิบเดย์ At Ten Day มีผู้ติดตามรวม 1.9 ล้านคน และ Instagram : 2020entertainment มีผู้ติดตามรวม 49,000 คนด้วยกัน

นอกจาก “ตีสิบ” ยังมีบริษัททำอสังหา?

นอกจากนี้วิทวัจน์ยังเปิดบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ อย่าง บริษัท ซิลเวอร์ บิลเลียน จำกัด โดยมีที่ตั้งบริษัทอยู่ที่เดียวกันกับบริษัทก่อนหน้านี้ ซึ่งได้ก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท และมีนายวิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ เป็นกรรมการบริษัทเพียงคนเดียว ในส่วนของการถือหุ้นนั้นแบ่งการถือหุ้นคนละร้อยละ 25 ร่วมกันลูกสาวทั้ง 3 คน ได้แก่ นางสาวนัทธชา ดอว์น สุนทรวิเนตร์, นางสาวลีลา นลิล สุนทรวิเนตร์ และนางสาวนัทลี สุนทรวิเนตร์

สำหรับบริษัทนี้นั้น มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 1.36 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 545,360 บาทเท่านั้น สำหรับรายได้ปี 2566 นั้น บริษัทนี้มีรายได้รวม 1.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 273,458 บาท สำหรับรายได้นั้นมาจากการเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองหรือเช่าจากผู้อื่นที่ไม่ใช่เพื่อเป็นที่พักอาศัยนั่นเอง

แน่นอนว่าการปิดตัวลงของรายการในครั้งนี้ถูกเชื่อมโยงกับการที่ก่อนหน้านี้นั้นรายการเจอข้อครหาจากการเชิญบอสของ The iCon Group มา และหลังจากนั้นทางรายการก็ได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งการประกาศยุติการออกอากาศในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับดราม่าแต่อย่างใด และข้อมูลจากแหล่งข่าวภายในเผยว่าทางบริษัทเองมีแผนจะยุติการออกอากาศอยู่แล้วในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของวงการบันเทิง และเม็ดเงินโฆษณาทางโทรทัศน์ไม่ตอบโจทย์สำหรับบริษัทอีกแล้วนั่นเอง

Content Creator

  • ณตภณ ดิษฐบรรจง

    บรรณาธิการบริหาร THE F1RST แมกกาซีนออนไลน์ที่เล่าทุกเรื่องราวให้เข้าใจง่าย ผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่