เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้แจ้งงบการเงินประจำปี 2567 แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแจ้งว่ากลุ่ม BEC มีรายได้รวมจากทุกช่องทางอยู่ที่ 4,262.45 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ประมาณ 400 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 96.27 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 113 ล้านบาท โดยรายได้ที่ลดลงมาจากสภาพเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนของประเทศ รวมถึงการมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวหลายรายการ เช่น การจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย และการปรับลดขนาดโครงสร้างองค์กร
โดยในปี 2567 ช่อง 3 ยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจโทรทัศน์ทั้งจำนวนผู้ชมและเรตติ้งได้เป็นอย่างดี โดยเน้นในกลุ่มกรุงเทพมหานครและหัวเมืองใหญ่ มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ในช่วงเวลา 06:00-24:00 น. ซึ่งที่ผ่านมา BEC ได้ขยายฐานการผลิตคอนเทนต์ โดยร่วมทุนกับ M Studio ในการสร้างภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง ทั้ง “มานะแมน” และ “ธี่หยด 2” ที่สร้างรายได้มากกว่า 800 ล้านบาทเลยทีเดียว
ในส่วนของรายได้จากการขายเวลาโฆษณานั้น BEC แจ้งว่ามีรายได้ทั้งหมด 3,450 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ประมาณ 513 ล้านบาท สำหรับธุรกิจกลุ่มการจำหน่ายละครไปต่างประเทศ, ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม และธุรกิจจัดกิจกรรมและบริหารศิลปิน เติบโตขึ้นคิดเป็นสัดส่วนจากรายได้รวมอยู่ที่ร้อยละ 18.7 หรือคิดเป็นรายได้ในส่วนนี้อยู่ที่ 796.2 ล้านบาทเลยทีเดียว
ส่วนหนึ่งมาจากการขยายฐานผู้ชมแบบสมัครสมาชิกของ 3Plus Premium ด้วยการให้ผู้ที่รับชมฟรีชมได้ “ช้าลง” และการเพิ่มคอนเทนต์พิเศษ รวมถึง Event ที่รับชมได้แค่ใน 3Plus Premium เท่านั้นมากขึ้น ยังไม่นับถึงการบริหารศิลปินในสังกัดอีกด้วย เช่น หลิง-ออม เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสที่ 4/2567 BEC มีการปรับโครงสร้างองค์กร โดยปรับลดจำนวนพนักงานร้อยละ 20 รวมถึงในปี 2567 BEC ยังมีการจ่ายเงินปันผลรวม 2 ครั้งเป็นจำนวน 0.10 บาท/หุ้น รวมกันกว่า 200 ล้านบาทอีกด้วย