fbpx

หลังจากที่มีกระแสข่าวว่าสถานีโทรทัศน์บางช่องตัดสินใจเลิกจ้างพนักงาน ผ่านการให้หัวหน้าแผนกเป็นผู้ประเมินว่าใครจะได้ไปต่อหรือไม่ ซึ่งมีผลการเลิกจ้างในสิ้นปี 2567 และหลังจากนั้นจึงมีสื่อหลายสำนักเฉลยว่าเป็น “ช่อง 3HD” ในเวลาต่อมา ล่าสุดบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ส่งงบการเงินประจำไตรมาสที่ 3/2567 ให้แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแจ้งว่าบริษัทมีรายได้รวม 1,069 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท

สำหรับรายได้ของช่อง 3 ในช่วง 3 เดือน (1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2567) นั้นพบว่ามีรายได้จากการขายเวลาโฆษณารวม 815.69 ล้านบาท, รายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และรายการอื่น 248.98 ล้านบาท, รายได้จากการขายสินค้า 3.70 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 1.39 ล้านบาท ทำให้รายได้รวมของไตรมาสนี้อยู่ที่ 1,069.77 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,116.02 ล้านบาท

ในส่วนของค่าใช้จ่ายรวมก็ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยปีนี้มีค่าใช้จ่ายรวม 1,003.86 ล้านบาท ส่วนไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีค่าใช้จ่ายรวม 1,051.29 ล้านบาท ส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายจากต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง เมื่อรวมกำไรและค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ทำให้ไตรมาส 3/67 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 45.93 ล้านบาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 37.91 ล้านบาท

เหตุผลสำคัญที่ยังทำให้ช่อง 3 ยังคงทำกำไรในไตรมาสนี้ มาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การเปิดธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจจัดกิจกรรมและบริหารศิลปิน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีทั้งการจัดกิจกรรมต่อยอดจากละครชุด “ดวงใจเทวพรหม” และซีรีส์ “ใจซ่อนรัก” ที่ทำให้คู่จิ้น “หลิง-ออม” แจ้งเกิดอีกด้วย นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่อง “ธี่หยด 2” ยังประสบความสำเร็จ ทำรายได้รวมใน 25 วันแรกทั่วประเทศ ด้วยตัวเลข 750 ล้านบาท

ส่วนต้นทุนการขายที่ลดลง เกิดขึ้นมาจากการใช้ละคร Re-Run ลงบนผังรายการมากขึ้น เพื่อนำเงินมาบริหารการจัดกิจกรรมและบริหารศิลปินมากขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทก็รับรู้การขาดทุนของกิจการร่วมการค้า เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม และบีอีซี เวิลด์ จำนวน 4.1 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนมาจากภาพยนตร์เรื่อง “มานะแมน” นอกจากนี้บริษัทยังคุมค่าใช้จ่ายทางการตลาดประชาสัมพันธ์และละครให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อทำให้บริษัทมีประสิทธิภาพในการสร้างรายได้และกำไรอย่างยั่งยืน

ในขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้บริหารของช่อง 3 ได้เรียกประชุมภายในแบบออนไลน์ เพื่อแจ้งให้กับพนักงานทราบถึงความจำเป็นที่ต้องปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อให้บริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งผู้บริหารก็ยังไม่ได้ให้ความชัดเจนว่าจะลดคนจำนวนเท่าไหร่ และจะชดเชยเป็นระยะเวลากี่เดือน เพียงแต่ได้แสดงความเสียใจที่ต้องทำแบบนี้ และกล่าวว่าคนที่ถูกเลิกจ้างไม่ใช่เป็นผู้ที่ไม่มีความสามารถ แต่เป็นความจำเป็นขององค์กรในภาพรวมเท่านั้น

ปัจจุบัน บีอีซี เวิลด์ แจ้งในเว็บไซต์ของตนเองว่ามีพนักงานรวมกันทั้งหมดประมาณ 900 คน ในขณะที่บริษัทมีสินทรัพย์รวมทั้งหมุนเวียนและไม่หมุนเวียนอยู่ที่ 9,386.05 ล้านบาท มีเงินสดและเงินฝากประจำรวมกันอยู่ที่ 4,323.17 ล้านบาท และมีหนี้สินรวมทั้งหมุนเวียนและไม่หมุนเวียนอยู่ที่ 3,307.93 ล้านบาท

Content Creator

  • ณตภณ ดิษฐบรรจง

    บรรณาธิการบริหาร THE F1RST แมกกาซีนออนไลน์ที่เล่าทุกเรื่องราวให้เข้าใจง่าย ผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่