หากพูดถึง 1 ในนวัตกรรมเสริมอาหารจากญี่ปุ่น ที่ควรจะไปได้มากกว่านั้น แต่ผู้จัดจำหน่ายที่ทำตลาดต่อจากต้นทางทำการตลาดได้ไม่ดีพอ ก็จะเป็นผลเสียต่อแบรนด์เองและนี่คืออุบัติเหตุที่เกิดกับ “Bifina EX (บิฟิน่า อีเอ็กซ์)” สินค้าตัวท็อปของยินตัน ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเข้ามาผ่านไทยยินตัน อันเป็นบริษัทร่วมระหว่างยินตันประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มชุมแสง
การทำตลาดในครั้งแรกจบไปแบบงง ๆ พร้อมกับขายตรงที่ชื่อไม่คุ้น แต่ครั้งที่ 2 กำลังเป็นเรื่องใหญ่ที่อยู่ในกระแสสังคม จากการที่ “เชน – ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์” กำลังถูก “ไทยยินตัน” ตามฟ้องจากการผิดนัดชำระค่าสินค้า และเรื่องจะใหญ่กว่าเดิมในอีกไม่นานนี้
เมื่อไม่นานนี้ในรายการโหนกระแส “นริศ วิทยาวรากรณ์” ได้ตอบโต้กับเชนในหลายประเด็น ทั้งในเรื่องล็อตสินค้าที่อมาโด้อ้างว่าไม่สามารถขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้, การโฆษณา ซึ่งอมาโด้อ้างว่าขอโฆษณาไม่ผ่าน แต่ยินตันอ้างว่าอมาโด้ต้องการจะโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง และยินตันเองก็ทราบดีถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนคำบางคำให้เป็นไปตามกฎหมาย และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย
การมาออกรายการ “โหนกระแส” ด้วยตัวของผู้บริหารเอง แม้จะมีบางแง่บางมุมที่ดูเหมือนยินตันจะได้พื้นที่โฆษณาฟรี แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือการอ้างเหตุผลในหลาย ๆ ครั้งของอมาโด้ วันนี้เราก็คงต้องขอย้อนไปถึงการทำตลาดในไทยทั้ง 2 ครั้ง
ครั้งแรกนั้น บิฟิน่าเข้ามาทำตลาดผ่าน S-NATUR (เอสเนเจอร์) หรือชื่อในเวลาต่อมาคือ “ศรีไทยเน็ตเวิร์ค” บริษัทขายตรงแบบ MLM ในเครือศรีไทยซูเปอร์แวร์ ที่ลงมาสู่สนามขายตรง และวิธีการขายแบบขายตร๊งขายตรง ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ แต่น่าเสียดายที่ชื่อของขายตรงรายนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยม และยินตันก็ฝากขายได้ไม่นาน และศรีไทยฯ ก็ไม่ได้ประกอบธุรกิจขายตรงแบบเครือข่ายมาตั้งแต่ปี 2562 และนำส่วนธุรกิจนี้ไปควบรวมกับธุรกิจขายตรงชั้นเดียว
ย้อนกลับไป ในปี 2558 นริศ ที่เข้ามาบริหารต่อหลังจากรับไม้ต่อจากผู้เป็นพ่อได้ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์ว่า “สิ่งหนึ่งที่ยึดมั่นเสมอมาคือ คำสอนของพ่อ (ชาญกิจ วิทยาวรากรณ์) ที่สอนลูก ๆ ว่าต้องมีความซื่อสัตย์ในการทำงาน จะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมและจริยธรรม”
ครั้งต่อมากลับน่าเจ็บใจยิ่งกว่า เพราะสิ่งที่ยินตันต้องเจอ คือการที่คู่ค้าไม่ใช่แค่ทำผิดเงื่อนไข แต่ยังไม่ซื่อสัตย์กับไทยยินตันซะอีกด้วย แน่นอนว่าความคาดหวังแรกได้เกิดขึ้นในปี 2564 เมื่อยินตันให้สิทธิ์ในการจัดจำหน่ายบิฟิน่า อีเอ็กซ์แก่อมาโด้แต่เพียงผู้เดียว โดยคาดหวังที่จะไปจับตลาดกลุ่มไฮเอนด์ และวางแผนเข้าไปวางจำหน่ายในโรงพยาบาลอีกด้วย แลดูจะขัดกับคำพูดของเชนที่ว่า “ล็อตแรกสั่ง 3 ล้านซอง แต่ขายไม่ดี / ขายแล้วขาดทุน” ที่นริศก็โต้ตอบในเชิงว่า “ทำไมถึงสั่งเพิ่มอีก 4 ล้านซอง ตั้งแต่ล็อตแรกยังไม่หมด?”
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือในปลายปี 2564 ปีเดียวกันนั้นเอง อมาโด้กลับเลือกที่จะทำอะไรที่แทบไม่ได้ทำกับเสริมอาหารของตัวเอง ด้วยการจัดโปร “รหัสชิงโชคบนกล่อง” เหมือนกับรหัสใต้ฝาชาเขียวยังไงอย่างนั้น ซึ่งหากมองในมุม ๆ หนึ่ง การไปร่วมมือกับอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ในการจัดโปรลด แลก แจก แถม กับการแจกคอนโดใจกลางเมือง มือถือ และทองคำนั้น ถือว่าน่าสงสัย เพราะอาจเป็นการทำเพื่อ “ล้างสต็อก” หรือไม่? และหลังจากครั้งนั้น ชื่อของบิฟิน่า อีเอ็กซ์ก็แทบไม่ปรากฏต่อสื่อสาธารณะอีกเลย
นริศกล่าวกับกรุงเทพธุรกิจเมื่อครั้งให้สัมภาษณ์ในปี 2559 ว่า “เราต้องทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ จริงใจกับคู่ค้า อะไรก็แล้วแต่ต้องทำได้อย่างที่พูด ต้องคิดก่อนพูด ไม่ใช่พูดก่อนคิด”
แต่สิ่งที่อมาโด้ทำ จะถือเป็นการคิดก่อนพูดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสังคมจะเป็นผู้ตัดสิน อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดการกระทำความผิดได้ ก็คงต้องรอการดำเนินคดีของทั้งสองฝ่ายตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ในส่วนของสินค้านั้น ทุกอย่างยังต่างดำเนินต่อไป จนกระทั่งไทยยินตันนำบิฟิน่า อีเอ็กซ์ กลับมาทำตลาดเองผ่านช่องทาง TJ MALL ของไทยยินตันเมื่อปลายปี 2566 ผ่านช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์มต่าง ๆ ด้วยตนเอง เป็นการลดการพึ่งพาคนกลางได้อีกช่องทางหนึ่ง
อ้างอิง
- https://www.youtube.com/live/1aAAM1g1ptc?si=ZNQxxeAXhQRXLiT8
- https://youtu.be/v_hHZKr4izI?si=J4-gWhIBKqyxGHoe
- https://goodworkjob.weebly.com/
- https://sithai.listedcompany.com/misc/ar/sithai-ar2015-th.pdf
- https://sithai.listedcompany.com/misc/ar/20200326-sithai-ar2019-th-01.pdf
- https://mgronline.com/business/detail/9640000020134
- https://ibusiness.co/detail/9640000126840
- https://www.facebook.com/jintanbifinaex
- https://www.bangkokbiznews.com/business/728580