fbpx

หากย้อนกลับไปราว 10 ปีก่อน ในยุคที่สื่อหลักมีเพียงหนังสือพิมพ์ วิทยุ และ โทรทัศน์ เป็นช่องทางในการติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหวสังคม และ การเมือง ซึ่งล้วนแล้วจะมีรูปแบบการนำเสนอที่คล้ายคลึงกัน แต่มีรายการข่าวรายการหนึ่งที่ชื่อ “คุยคุ้ยข่าว” ได้เฉิดฉายและเป็นใบเบิกทางให้คนข่าวท่านนี้ด้วยลีลาการเล่าข่าวที่เข้มข้น ดุดัน และมีลูกล่อลูกชน เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขว้าง แม้ในปัจจุบันจะมีความเกี่ยวพันการเมืองไทยแต่เขายังคงอยู่ในเส้นทางอาชีพคนข่าว วันนี้เราจะพาเล่าไปดูเส้นทางผู้ประกาศข่าวของ “กนก รัตน์วงศ์สกุล”

ย้อนกลับไป 4 พฤศจิกายน 2506 คือวันที่ กนก ลืมตาดูโลกในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน อาศัยอยู่แถวยศเส กรุงเทพฯ ช่วงชีวิตวัยเยาว์เป็นคนชื่นชอบอ่านหนังสือพิมพ์ หน้าข่าวบันเทิง ซึ่งจะไปอ่านที่ร้านกาแฟเป็นประจำ และสะสมหนังสือพิมพ์มาโดยตลอด ในด้านการศึกษาระดับประถม ได้เริ่มต้นที่โรงเรียนสตรีศรีบำรุง จากนั้นย้ายมาเรียน ป.3 ที่โรงเรียนวัดพระพิเรยนทร์ ย่านวรจักร กระทั่งจบ มศ.3 ที่ โรงเรียนวัดราชโอรส แล้วเรียนต่อระดับ มศ.4 ที่ โรงเรียนวัดรางบัว เขตภาษีเจริญ ถึง มศ.5 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้าย และศึกษาต่อระดับปริญญาที่คณะวารวารศาสตร์และสื่อมวลชน วิชาเอกหนังสือพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากที่เรียนจบได้รับการเชิญชวนจากรุ่นพี่ให้ไปจัดรายการวิทยุ Bus Sound และเป็นนักจัดรายการตามสถานีต่าง ๆ

หลังจากจัดรายการวิทยุหลายคลื่นมาหลายปี และเป็นคนสนใจข่าวมานาน กนกจึงตัดสินใจสมัครสอบที่กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 และได้มาจัดรายการ แต่ทำได้พักใหญ่ได้ตัดสินใจลาออกด้วยรูปแบบการทำงานที่แตกต่างพอสมควร ถึงกระนั้น กนก ได้รับการชักชวนให้มาจัดรายการวิทยุคุยข่าว Nation News Talk กับ คุณสุทธิชัย หยุ่น ผู้บริหารกลุ่มเนชั่นในเวลานั้น 

จนกระทั่งกลุ่มเนชั่นได้เปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม Nation Channel กนกก็ได้รับตำแหน่งผู้ประกาศข่าวรายการเก็บตกจากเนชั่น และตามมาด้วยรายการอื่น ๆ รวมทั้งการจัดรายการข่าวคู่กับ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา ที่ ณ เวลานั้นยังคงเป็นนักข่าวในเนชั่น และด้วยนโยบายของกลุ่มเนชั่น ณ เวลานั้นที่ให้ผู้ประกาศสามารถไปอ่านข่าวที่ช่องฟรีทีวีได้ ทำให้กนกได้รับโอกาสนั่งแท่นเป็นผู้ประกาศข่าวที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และโมเดิร์นไนน์ ทีวี อีกทั้งยังได้ร่วมงานรายการประเภทวาไรตี้อย่าง “มหานคร” ซึ่งผลิตโดย เวิร์คพ้อยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และ มีเดีย ออฟ มีเดีย ออกอากาศทางช่อง 7 สี

หากจะกล่าวว่า “กนก” เป็นที่รู้จักของคนไทยแบบกว้างขว้าง ปฎิเสธไม่ได้ว่ารายการข่าวอย่าง “คุยคุ้ยข่าว” คือหนึ่งในรายการที่เฉิดฉายที่สุด แต่จริง ๆ แล้ว กนก กับ สรยุทธ์ เป็นคู่หูข่าวที่มีเคมีเข้ากันมาตั้งแต่เก็บตกจากเนชั่น การมาของคุยคุ้ยข่าว ถือเป็นการสร้างปรากฎการณ์รายการข่าวช่วงไพร์มไทม์ (เวลาประมาณ 20.00 น. – 22.00 น.) ทั้งการเล่าข่าวที่กลมกล่อม มีลูกล่อลูกชน อย่างที่ใครเทียบได้ยาก และรูปแบบรายการที่ทำให้ทุกข่าวมีความสนใจ จะยากแค่ไหน ทั้งคู่ย่อยข้อมูลและเล่าแบบธรรมชาติ แน่นอนว่าความนิยมของคุยคุ้ยข่าวมีทั้งจุดสูงสุดและจุดต่ำลง เมื่อเกิดกรณีพิพาทระหว่างสรยุทธ์กับอสมท. ณ เวลานั้น ทำให้ คุยคุ้ยข่าว ปิดฉากลงเมื่อสิ้นปี 2549 

แต่กระนั้น กนก ยังคงได้จัดรายการกับโมเดิร์นไนน์ทีวีต่อ อย่าง “เช้าข่าวข้น คนข่าวเช้า” และ “ข่าวข้น คนข่าว”  ซึ่งทั้ง 2 รายการเป็นความร่วมมือระหว่าง เนชั่น (NBC) และ อสมท. ตั้งแต่ปี 2550 จนสิ้นสุดการผลิตร่วมกันเมื่อปี 2555 อันเนื่องมาจากนโยบายของ อสมท. ณ เวลานั้นต้องการผลิตรายการข่าวด้วยตัวเอง ทำให้เนชั่นนำทั้ง 2 รายการไปออกอากาศที่ Nation Channel และกลายเป็นรายการแม่เหล็กอยู่ช่วงนึงก่อนจะช่องจะแปรสภาพเป็นสถานีโทรทัศน์ดิจิตัลช่อง 22

บรรยากาศการเมืองในช่วงปี 2557 ที่มีคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. กนก ถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่มีแนวคิดและอุดมการณ์ที่ชัดเจน ทั้งการแสดงความคิดเรื่องการเมือง และการร่วมเดินขบวนกับแกนนำกลุ่ม กปปส. ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในด้านการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน แต่ กนก ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศเช่นเดิม 

จนกระทั่งเมื่อปี 2561 เกิดการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารเนชั่น โดยมีนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และ นายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย เป็นผู้บริหาร ทำให้ทิศทางข่าวของเนชั่นเปลี่ยนแปลง และกลายเป็นสื่อที่มีบทบาททางการเมืองในช่วงระยะเวลานึง ทั้งการนำเสนอข่าวฝั่งรัฐบาลอย่างเต็มกำลัง จนเกิดกระแส #แบนเนชั่น ในช่วงปลายปี 2563 อีกทั้งเกิดความขัดแย้งกับผู้ถือหุ้นคนปัจจุบันอย่าง ฉาย บุคนาค ทำให้กลุ่มนายสนธิญาณตัดสินใจลาออกจากการเป็นผู้บริหารกลุ่มเนชั่น กนก ก็เป็นหนึ่งบุคคลที่ตัดสินใจยื่นใบลาออกเป็นการปิดฉากการทำงานกับเนชั่นเป็นเวลา 24 ปี จากนั้นกระโดดร่วมงานกับกลุ่มนายสนธิญาณอย่างเต็มตัวจากนั้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 กลุ่มนายสนธิญาณได้เปิดสถานีโทรทัศน์ในชื่อ “TOPNEWS” จนถึงปัจจุบัน

คงปฎิเสธไม่ได้ว่า มุมมองของประชาชนบางส่วนมอง “กนก” เปลี่ยนไป แต่เชื่อได้ว่าเส้นทางที่ผ่านมาถือเป็นประวัติศาสตร์สำคัญและสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการโทรทัศน์เมืองไทย และเป็นหนึ่งในบุคคลที่เปลี่ยนภาพของข่าวมีความน่าสนใจมากขึ้น 

Content Creator

  • ชายผู้จบจากศิลปะการถ่ายภาพที่ชื่นชอบการขับรถและคลุกคลีงานคอนเทนต์ออนไลน์ หากมีพรสักข้อ ขอให้ไม่ปวดหลังก็พอแล้ว