ซื้อสินค้าสนับสนุนเราได้ทาง Shopee
ปัจจุบันตลาดครีมอาบน้ำมีผู้เล่นรายใหญ่ ๆ ที่เป็น TOP 3 อยู่ 3 ราย ที่ทำตลาดหนักหน่วงในแต่ละปี ได้แก่โชกุบุสซึ โมโนกาตาริ จากค่ายไลอ้อนที่ครองแชมป์ครั้งแรกในปี 2561, บีไนซ์ จากค่ายนีโอคอร์ปอเรท ที่ออกสูตรใหม่ทุกปีเป็นว่าเล่น และลักส์ แชมป์เก่าจากยูนิลีเวอร์ที่ลดดีกรีความร้อนแรงลงมาเยอะพอสมควร
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือหลังจากปี 2561 ที่โชกุบุสซึสามารถถีบลักส์ลงไปสู่เบอร์ 2 ได้ 2 ปีถัดมา บีไนซ์ก็ซ้ำเติม ถีบลักส์ลงไปอยู่อันดับ 3 ที่ต่ำกว่าเดิม
เรื่องราวของบีไนซ์กำเนิดขึ้นในปี 2545 ในบ้านที่ชื่อว่า “ไบโอคอนซูเมอร์” หรือ “นีโอคอร์ปอเรท” ในปัจจุบัน ที่บีไนซ์เดบิวต์ตัวเองในตลาดครีมอาบน้ำ
แต่ละแบรนด์ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง ลักส์ชูจุดเด่นเรื่องผิวสวยอันเป็นคีย์สำคัญมาโดยตลอด โชกุบุสซึชูจุดเด่นเรื่องสารทำความสะอาดจากพืชธรรมชาติ ปาล์มโอลีฟที่ชูเรื่องอโรมาเธอราพี และตลาดครีมอาบน้ำลดแบคทีเรียที่กำลังเติบโต บีไนซ์ก็มีจุดต่างที่ไม่แพ้ใคร 1 ในนั้นก็คือการเป็นครีมอาบน้ำที่มีสารสกัดจากผลไม้ ที่ในอีกหลายสิบปีถัดมายี่ห้ออื่น ๆ ก็หยิบเอาจุดเด่นนี้ไปลอกการบ้านกันเป็นแถบ ไม่ว่าจะเป็นโชกุบุสซึ, แพรอท หรือแม้แต่อดีตเจ้าตลาดอย่างลักส์ก็ยังต้องปรับสูตรให้ไปทางผลไม้มากขึ้น
สูตรที่ขายดีที่สุดของบีไนซ์ คือสูตรเพอร์เฟค อีลาสติก หรือสูตรสีเขียวที่คุ้นเคย ซึ่งด้วยกลิ่นหอมที่ค่อนข้างจะหอมอยู่ในระดับหนึ่ง ทำให้มีคนบางกลุ่มนำไปแซวกันว่าบีไนซ์สูตรนี้ มักจะเป็นครีมอาบน้ำที่นิยมใช้ในสถานบริการ (ไม่แพ้ไปกว่าโชกุบุสซึอันเป็นเจ้าตลาด)
เมื่อครีมอาบน้ำไปได้ดี ก็กลายเป็นว่าบีไนซ์ก็ออกสินค้าอื่น ๆ มาตีตลาดเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น, โลชั่น หรือผลิตภัณฑ์ล้างมือ
และจุดเปลี่ยนสำคัญค่อย ๆ เกิดขึ้นหลังจากปี 2560
ในปี 2560 จากสิ่งที่นีโออ้างอิงจากข้อมูลของนีลเส็น นีโอได้เผยว่าส่วนแบ่งของบีไนซ์ในปีนั้นยังอยู่ในอันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 14 และมีอัตราการเติบโตสูงสุดคือร้อยละ 10 ในขณะที่เจ้าถิ่นเก่าอย่างลักส์ก็ยังมีส่วนแบ่งอยู่ที่ร้อยละ 19 แต่ในปีนั้นโชกุบุสซึกลับมีส่วนแบ่งเท่ากับลักส์ที่ร้อยละ 19 เท่ากัน
และปีถัดมาโชกุบุสซึก็สามารถถีบลักส์ลงได้ด้วยส่วนแบ่งร้อยละ 18.9 ซึ่งมากกว่าลักส์ที่มีส่วนแบ่งร้อยละ 18 ในขณะที่บีไนซ์มีส่วนแบ่งร้อยละ 14.3 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2560 และในอีก 2 ปีถัดมา บีไนซ์ก็สามารถผลักลักส์หล่นลงไปอีกอันดับ ด้วยส่วนแบ่งร้อยละ 15.9
แม้จะผิดจากเป้าหมายการเป็นอันดับ 1 ในตลาดครีมอาบน้ำภายในปี 2563 ที่วางไว้ตั้งแต่ปี 2561 แต่การเป็นอันดับ 2 ก็ยังไม่แย่ แถมบีไนซ์ก็ยังมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี จนมีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 18 ในปี 2565 กลับกันกับลักส์ที่ส่วนแบ่งลดลงทุกปี จนเหลือเพียงร้อยละ 14.8 ในปี 2565 ส่วนโชกุบุสซึนั้นมีส่วนแบ่งที่ลดลงไปในช่วงปี 2563 และ 2564 ซึ่งมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ยังคงเป็นเจ้าตลาด ก่อนจะกลับมาเพิ่มขึ้นในปี 2565
ซึ่งส่วนหนึ่งที่บีไนซ์มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น มาจากการแตกไลน์กลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม ในขวดปั๊มทรงใหม่ ซึ่งมีการคิดค้นและวางจำหน่ายสูตรใหม่ทุก ๆ ปี ด้วยสาเหตุที่ว่าผู้บริโภคมุ่งให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ได้จากการอาบน้ำเพิ่มขึ้น และยังมุ่งสร้างความยั่งยืนด้วยการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพัฒนาสูตรที่มีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติ หรือย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
ณิชมน ถกลศรี Deputy CEO – Business Innovation ของนีโอพูดถึงความแตกต่างของบีไนซ์ในรายการ “ทัศนศึกษา” ทางช่อง tigercrychannel ว่าตัวแบรนด์บีไนซ์มุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับ Sensation และ Experience เป็นอย่างมาก ในการพัฒนาสินค้า ด้วยความเชื่อที่ว่าการอาบน้ำเป็นเหมือนการให้รางวัลแก่ตัวเอง จากความเหนื่อยล้าที่สะสมในแต่ละวัน
ปัจจุบันบีไนซ์มีกลุ่มสูตรใหญ่ ๆ อยู่ 7 สูตร ผลิตภัณฑ์ได้แก่สูตรดั้งเดิม, สูตรแอนตี้แบคทีเรีย ในขวดทึบ, สูตรเนเชอรัล, สูตรเพอร์ฟูม, สูตรซูเปอร์คอลลาเจน, สูตรเลิฟมีพีช และสูตรเนเชอรัลโพรเทคชั่น ในขวดปั๊มใส