fbpx

ใกล้ปลายปีแล้ว หลายคนคงเริ่มมองหาวิธีลดหย่อนภาษีให้คุ้มที่สุดใช่ไหม การลดหย่อนภาษีแบบเต็มที่ไม่ใช่แค่ใช้สิทธิ์ให้ครบเท่านั้น แต่การจัดลำดับการใช้ลดหย่อนก็สำคัญ เพราะช่วยให้เราได้ทั้งลดภาษีและสร้างความมั่นคงทางการเงิน วันนี้เลยอยากมาแชร์ไอเดียการจัดลำดับลดหย่อนภาษีแบบเข้าใจง่าย ช่วยให้การเงินของเราพร้อมปกป้องความเสี่ยง สร้างเงินออมไปด้วย และยังต่อยอดการลงทุนในอนาคตได้อีก

ลดหย่อนพื้นฐาน: ลดเบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้

ลดหย่อนพื้นฐานนี้ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ คือ ค่าลดหย่อนส่วนตัว ลดได้ 60,000 บาท ค่าใช้จ่ายตามมาตรา 40(1) ลดได้ 100,000 บาท และ ประกันสังคม ลดได้สูงสุด 9,000 บาท ซึ่งสิทธิเหล่านี้ก็ลดภาษีได้ทันทีสำหรับใครที่มีรายได้จากการทำงาน นอกจากนี้ ยังมีลดหย่อนพื้นฐานอื่น ๆ เช่น ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท ค่าลดหย่อนบุตรคนละ 30,000 บาท (และ 60,000 บาทสำหรับบุตรที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 ขึ้นไป) ส่วนค่าใช้จ่ายตามมาตรา 40 เองก็จะต่างกันไปตามประเภทของอาชีพ เช่น มาตรา 40(2) สำหรับนักแสดงหรือนักดนตรีอิสระ มาตรา 40(3) สำหรับนักกีฬา เป็นต้น ใครมีรายได้จากอาชีพไหน ควรตรวจสอบให้ครบถ้วน

ประกันชีวิตและสุขภาพ: คุ้มครองตัวเองและลดภาระการรักษาพยาบาล

ประกันชีวิตและสุขภาพเป็นตัวช่วยดี ๆ ที่ลดหย่อนได้รวมกันสูงสุดถึง 100,000 บาท นอกจากจะได้สิทธิ์ลดหย่อนแล้ว ยังช่วยเราได้ในแง่การปกป้องความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาพยาบาลหรืออุบัติเหตุไม่คาดคิด ซึ่งช่วยให้เงินออมที่เราวางแผนไว้ระยะยาวไม่ถูกกระทบเมื่อมีเหตุจำเป็น ประกันชีวิตและสุขภาพนี้เลยถือเป็นเกราะป้องกันที่คุ้มค่ามาก ๆ

ประกันสุขภาพพ่อแม่: ดูแลคนสำคัญ ลดหย่อนแบบอุ่นใจ

สำหรับใครที่ต้องดูแลพ่อแม่ การทำ ประกันสุขภาพให้ท่าน จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อท่านเจ็บป่วย ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาท เป็นการเตรียมพร้อมให้เราอุ่นใจว่าในกรณีฉุกเฉินจะไม่ต้องใช้เงินออมส่วนตัวมารับผิดชอบภาระนี้

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ: ออมเงินระยะยาว พร้อมรับสมทบจากนายจ้าง

พนักงานบริษัทควรใช้สิทธิลดหย่อนใน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพราะลดหย่อนได้สูงสุดถึง 15% ของรายได้ (หรือไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับ RMF/SSF) และยังได้รับการสมทบจากบริษัท ทำให้เงินออมเติบโตขึ้นโดยไม่ต้องลงเงินเพิ่มเอง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพจึงเป็นการออมที่มั่นคง ช่วยให้เงินสะสมเพิ่มขึ้นได้อีกในระยะยาว

ประกันบำนาญ: เสริมเงินเกษียณที่มั่นคง

ประกันบำนาญ ลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของรายได้หรือไม่เกิน 200,000 บาท เป็นแหล่งออมระยะยาวที่มั่นคงและเหมาะกับเป้าหมายเกษียณ ให้มีรายได้ใช้ในอนาคตแบบสม่ำเสมอ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินไม่พอใช้ในวัยเกษียณ

RMF หรือ SSF: ลงทุนเพื่ออนาคต

RMF หรือ SSF เหมาะกับการเตรียมตัวเกษียณ โดยสามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องไม่เกิน 500,000 บาท RMF และ SSF มีให้เลือกลงทุนหลายแบบตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ ช่วยเพิ่มโอกาสให้เงินออมโตไปพร้อมกับการลดภาษีได้ดี

Thai ESG: ลดหย่อนพร้อมสร้างประโยชน์ให้สังคม

สุดท้าย Thai ESG เป็นการลงทุนที่สนับสนุนธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 250,000 บาท ถึงจะไม่ได้เน้นผลตอบแทนทางการเงินโดยตรง แต่การลงทุนนี้ช่วยส่งเสริมสังคมด้วย และเหมาะสำหรับคนที่มองหาการลงทุนที่สร้างประโยชน์ทางอ้อม

นอกจากที่กล่าวมา จริง ๆ แล้วยังมีสิทธิ์ลดหย่อนอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่หลายคนอาจสนใจ เช่น การลดหย่อนจากการบริจาค ลดหย่อนการศึกษาบุตร หรือการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นในการลดหย่อนเพิ่มขึ้น

สำหรับใครที่อยากวางแผนภาษีให้คุ้มค่าที่สุดและเหมาะกับเป้าหมายการเงินของตัวเอง ลองนำไอเดียนี้ไปปรับใช้ดูนะคะ หรือถ้าอยากได้คำแนะนำแบบเฉพาะคุณ ติดต่อเราได้เลยที่เพจ MeInsure หรือทาง เพจ MeMaytapriya เว็บไซต์ Meinsure.in.th หรือ Line Official: @MeMaytapriya ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ

Content Creator