‘ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ คิดเงินให้ได้เงิน คิดทองให้ได้ทอง ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ’
เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินบทเพลงอมตะเพลงนี้ในงานเลี้ยงสังสรรค์ ได้ยินมาตั้งแต่เด็กจนโต ติดหูจนร้องได้ทุกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพลงของใคร เพลงดังกล่าวคือเพลงของ สามโทน วงที่ประกอบด้วย ธงชัย ประสงค์สันติ (ธง), วิทยา เจตะภัย (ถนอม) และ สุธีรัชต์ ชาญนุกูล (บุ๋มบิ๋ม) วงดนตรีสตริง-ลูกทุ่งชื่อดังช่วงต้นยุค 90 ของค่ายคีตา เรคคอร์ด
ทางด้านของธงชัย ก่อนที่จะมาเป็นหนึ่งในนักร้องวงดนตรีตำนานของไทย เขาเป็นเพียงแค่เด็กจากโคราชที่ชื่นชอบการทำกิจกรรม ชอบดูหนัง ชอบฟังเพลง จนคนรอบข้างดูออกว่าเป็นคนชอบแสดงออก ซึ่งทันทีเห็นข่าวว่าช่อง 3 ประกาศรับสมัครนักแสดงประกอบผ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เขาก็ไม่รีรอที่จะเดินตามความฝันของตนเอง
หลังจากเพื่อน ๆ ช่วยกันลงขันคนละนิดคนละหน่อย ธงชัยก็เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อออดิชั่น หลังจากผ่านออดิชั่นจนได้เป็นนักแสดงประกอบ และอาศัยอยู่บ้านเล็ก ๆ แถวหนองแขมอยู่หลายปี ระหว่างนั้นต้องอาศัยยืมเงินเพื่อนหรือคนรู้จักเพื่อมาประทังชีวิตเพื่อรอโอกาสใหญ่ ธงชัยที่ได้รับบทเป็นตัวประกอบไปเรื่อย ๆ ก็อาศัยการพบเจอผู้คนทำงานและครูพักลักจำวิชาต่าง ๆ ทั้งเขียนบท การแสดง การร้องเพลง หรือแม้แต่การกำกับ
และแล้วโอกาสก็เข้ามาถึง จากงานแสดงบทนำที่เริ่มทำให้คนรู้จักในภาพยนตร์เรื่อง กลิ่นสีและกาวแป้ง (2531) ของ เปี๊ยก โปสเตอร์ ต่อเนื่องด้วยหนังตลกอย่าง บ้านผีปอบ (2532) ที่โด่งดังสุด ๆ และมีภาคต่อตามออกมาหลายภาค
เมื่อโอกาสด้านการแสดงเปิดออกและทำให้ธงชัยกลายเป็นที่รู้จักแล้ว ส่งผลให้ประตูอีกบานได้เปิดต้อนรับเขา คือโอกาสในการเป็นนักร้องในวงดนตรี ที่ได้รับการชักชวนจาก ประภาส ชลศรานนท์ นักร้อง นักแต่งเพลงแห่งวงเฉลียง ที่อยู่ในค่ายคีตา เรคคอร์ด ในการรวมวงเป็น สามโทน
‘คุณประภาส ชลศรานนท์ จะสร้างวงดนตรี ก็เลยมาชวน พี่ก็เอาเพลงน้ำตาฟ้าที่เพื่อนแต่งมาร้องให้ฟัง จนสุดท้ายได้เป็นวงสามโทน’
แน่นอน กับเพลงที่ร้องว่า ‘เขาบอกว่าฟ้าร้องไห้ออกมาเป็นน้ำฝน อยากรู้นักฟ้าที่เบื้องบน ต้องมาร้องไห้เพราะใคร’ ก็จัดเป็นอีกเพลงเพราะในตำนานที่มีหลายคนที่ไม่รู้ว่าเป็นเพลงของวงสามโทน ซึ่งเจ้าของเสียงอันโศกเศร้าถึงอารมณ์ก็คือเสียงของธงชัยนี่เอง
สามโทน ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะอีกวงดนตรีในตำนานที่เพียงแค่อัลบั้มแรกที่ออกมาก็สามารถทำยอดขายเทปได้ถึงล้านตลับ พร้อมกับสร้างบทเพลงอมตะให้กับวงการเพลงไทย ไม่ว่าจะเป็นเพลง เจ้าภาพจงเจริญ, สวัสดีปีใหม่, น้ำตาฟ้า และ สัญญาหน้าไฟ
เมื่อเขากลายเป็นผู้มีชื่อเสียงทั้งด้านของนักแสดงและนักร้อง ระหว่างนั้นธงชัยก็ได้รับโอกาสได้เป็นพิธีกรรายการชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรายการร้อยแปดพันเก้า, ชมรมขนหัวลุก หรือในช่วงหลังอย่าง คุณพระช่วย เป็นต้น
หลังจากวนเวียนอยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงอยู่นาน ประตูบานใหม่ก็เปิดอีกครั้ง เมื่อบริษัท Workpoint มีโปรเจกต์จะทำละครสั้นแต่หาผู้กำกับไม่ได้ ธงชัยจึงได้โอกาสในการชิมลางการกำกับเป็นครั้งแรก ซึ่งการได้ลองคราวนี้ กลายเป็นจุดเปลี่ยนในฐานะผู้กำกับและผู้จัดละครในเวลาต่อมา
ช่วงปี พ.ศ. 2550 เป็นช่วงที่ผลงานละครของบริษัท คำพอดี บริษัทในเครือของ Workpoint ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างละครโดยเฉพาะ โดยให้ธงชัยและ มณีรัตน์ ประสงค์สันติ (ภรรยา) เป็นผู้บริหาร ได้ออนแอร์เป็นเรื่องแรก ก็คือ เพลงรักริมฝั่งโขง ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 นำแสดงโดย เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารส และมีผลงานต่อเนื่องตามมา
จนในปี พ.ศ. 2553 ธงชัยได้ออกมาก่อตั้งบริษัท พอดีคำ จำกัด และเลิกสัญญากับทาง Workpoint มาลุยงานบริษัทของตัวเองที่รับหน้าที่ทั้งกำกับและเป็นผู้จัดอย่างเต็มตัว และผลิตละครให้กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 อย่างต่อเนื่องหลายปี และประสบความสำเร็จอย่างสูงในแง่ของฝีมือการสร้างละครคุณภาพ โดยตัวของธงชัยได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลต่าง ๆ เช่นรางวัลนาฏราชในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมจากละครเรื่อง หยกเลือดมังกร (2556), เรือนกาหลง (2557) และ ขมิ้นกับปูน (2560)
หลังจากที่ผลิตละครให้ช่อง 7 มาหลายปี ปัจจุบัน บริษัทพอดีคำก็โบกมือลาวิกหมอชิตและย้ายไปผลิตละครให้กับสถานีโทรทัศน์ช่องวัน 31 โดยธงชัยให้เหตุผลในการเลือกที่จะย้ายช่องก็เพราะว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อความทันสมัยมากขึ้น รวมถึงการทำละครที่มีภาพลักษณ์และกลุ่มเป้าหมายเป็นคนเมืองมากขึ้นด้วย โดยเริ่มจากการถอยตัวเองลงมาและให้ลูกชายอย่าง ไท แผ่นดิน ประสงค์สันติ เข้ามามาบริหารงานแทน
โดยธงชัยก็เริ่มหาความท้าทายใหม่ ๆ ด้วยการลองชิมลางกำกับภาพยนตร์ดูบ้าง โดยเขาได้ก่อตั้งบริษัท บัฟฟาโล ฟิล์ม จำกัด เพื่อผลิตภาพยนตร์โดยเฉพาะ และมีผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกอย่าง เลิฟยูโคกอีเกิ้ง (2563) ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับค่อนข้างดีจากผู้ชม