ปูนตราเสือ ก้าวสู่ปีที่ 109 ด้วยการปรับแผนกลยุทธ์ใหม่ เสริมมิติแบรนด์ด้วยการสร้างสินค้า Lifestyle ชูแนวคิด S.M.A.R.T. Craftsmanship ผลักดันช่างไทยไปไกลระดับโลก พร้อมตั้งเป้าพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ทุก Segment และสร้างสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายนพพร กีรติบรรหาร Chief Marketing Officer – Marketing and Branding Cement and Green Solutions Business บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด ภายใต้แบรนด์ “ตราเสือ” กล่าวว่า  กลยุทธ์ทางการตลาด และแบรนด์ของปูนตราเสือ จะมุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการครบทุกมิติตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า และสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรม โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การนำเสนอระบบการใช้ผลิตภัณฑ์ Wall & Floor Application System ให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพครบวงจร และสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจ  รวมถึงการพัฒนาทักษะฝีมือช่างก่อสสร้างให้ได้มาตรฐานระดับสากล

โดยได้ชูแนวคิด S.M.A.R.T. Craftsmanship ของ “เสือ” ครอบคลุม 5 มิติหลัก ได้แก่ Sustainable Products: “เสือ” มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ได้รับรองฉลากรักษ์สิ่งแวดล้อมระดับสากล EPD (Environmental Product Declaration) ช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาด เป็นการรับรองมาตรฐานข้อกำหนดในหลายประเทศที่ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

Multi Solutions: “เสือ” ปรับ Product & Service Portfolio ให้ตอบสนองการใช้งานทุกรูปแบบการก่อสร้าง ในรูปแบบ Wall and Floor Application System ด้วยระบบการใช้งานและนวัตกรรมที่หลากหลายในทุก Segment ครอบคลุมงานระบบผนังและพื้น งานระบบปูกระเบื้อง ระบบงานซ่อมแซม งานทาสี งานระบบกันซึม การฉาบพื้นผิว และงานตกแต่ง เป็นต้น 

Artful Architecture: “เสือ” ตอบโจทย์งานสถาปัตยกรรม ทั้งผนังและพื้นให้สวยงามและมีมิติ นอกจากนี้ยังต่อยอดแบรนด์ด้วยการสร้าง Tiger Lifestyle ซึ่งจะขยายศักยภาพแบรนด์เป็นมากกว่าปูนซีเมนต์ ด้วย “Tiger Brand Commerce” เช่น โครงการคิดจากถุง ด้วยการนำถุงปูนรอทำลายมารีไซเคิลเป็นกระเป๋าสุดชิค และการทำ Collaboration Project ต่าง ๆ เช่น Tiger x Phannapast, Tiger x Bangkok Tales, Tiger x Wrangler เป็นต้น

Raising Standard of Construction: “เสือ” มุ่งพัฒนาทักษะฝีมือช่างก่อสร้างอย่างครบวงจร ทั้งองค์ความรู้ ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ การนำเทคโนโลยี และเครื่องมืออันทันสมัย รวมถึงสามารถเรียนรู้ผ่าน VR Showroom และ Online E-Learning ผ่านสถาบันเทคโนโลยีผนังและพื้น ตราเสือ จ.สระบุรี ด้วยกลยุทธ์ 4M ได้แก่ Man (พัฒนาทักษะแรงงาน) Machine (พัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยี) Method (พัฒนาขั้นตอนการทำงาน) และ Material (พัฒนาปูนซีเมนต์และวัสดุใหม่)  

Trusted Partnership: “เสือ” สร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เชื่อมโยงเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย และร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เครือข่ายช่างปูนและผู้รับเหมา สถาปนิก เพื่อต่อยอดโอกาสทางการตลาด และการเพิ่มขีดความสามารถในงานก่อสร้างผนังและพื้นด้วยความเชื่อมั่นตลอดทั้งห่วงโซ่ (Value Chain) 

นอกจากนี้ “เสือ” ยังวางแผนปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าทุกประเภทการก่อสร้าง ทั้งแนวสูงและแนวราบ ตั้งแต่ผู้ใช้งานทั่วไปจนถึงเจ้าของโครงการ ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างทุกขนาด พร้อมขยายโอกาส และสร้างความเชื่อมั่นที่คงความแข็งแกร่ง และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอน ตอบโจทย์ตลาดและเทรนด์ในอนาคต รวมถึงการมุ่งยกกระดับพัฒนาทักษะฝีกมือแรงงานช่างก่อสร้าง อย่างต่อเนื่องให้เทียบชั้นมาตรฐานสากล

นายนพพร กล่าวว่า หากพูดถึงความท้าทายนับเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ “เสือ” เราปรับตัวมาตลอดอย่างต่อเนื่อง  เมกะเทรนด์ในประเทศไทยวันนี้มีอยู่ 3 มิติ ได้แก่ โครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม เราจะเห็นว่าประเทศไทยเราเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) มากขึัน การพัฒนาที่อยู่อาศัย ห้องต่างๆต้องปรับตัวรองรับกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น, Health & Wellness มากขึ้น ผู้คนให้ความใส่ใจเรื่องสุขภาพ ดังนั้นบ้านต่างๆ จึงต้องตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ และการใช้พลังงานทุกบ้านก็เริ่มให้ความสำคัญเรื่องของการใช้และการประหยัดพลังงาน ซึ่งทั้งหมดส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายขององค์กรที่อยู่ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง

นอกจากนี้การขับเคลื่อนของเทคโนโลยีภาคการก่อสร้าง ซึ่ง AI เข้ามาตอบโจทย์และมีบทบาท รวมถึงควอนตัมคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีนี้สามารถประมวลผลได้เร็ว ด้วยปัจจัยด้านแรงงานที่หายาก คุณภาพฝีมือแรงงานไม่ได้  ต้นทุนการก่อสร้างแพงขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยีเหล่านี้จึงมีการนำมาใช้ในการก่อสร้างมากขึ้น 

“เสือ” ยังเล็งเห็นปัญหาขาดแคลนแรงงานมีฝีมือในอุตสาหกรรมก่อสร้าง จึงก่อตั้งสถาบันเทคโนโลยีผนังและพื้น ตราเสือ จ.สระบุรี (Tiger Wall and Floor Technology Center) ศูนย์รวบรวมองค์ความรู้งานก่อสร้างงานผนังและพื้นที่ทันสมัย  โดยในอนาคตมีแผนจะเปิดศูนย์ฝึกอบรมเพิ่มที่จังหวัดลำปางและนครศรีธรรมราช  

ทั้งนี้ “เสือ” เชื่อมั่นว่าการพัฒนาบุคลากรคือ หัวใจสำคัญในการยกระดับวงการก่อสร้างไทยมุ่งมั่นสร้างช่างฝีมือก่อสร้างที่มีคุณภาพ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้เทียบเท่าระดับสากล

Content Creator

  • ณตภณ ดิษฐบรรจง

    บรรณาธิการบริหาร THE F1RST แมกกาซีนออนไลน์ที่เล่าทุกเรื่องราวให้เข้าใจง่าย ผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่