เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านที่ #โตมากับอาร์เอส ในช่วงยุค 90 ก็อาจจะคุ้นเคยกับศิลปินที่มีดีทั้งหน้าตาและความสามารถมากมาย ซึ่งเมื่อพูดถึง ก็คงจะมีชื่อของ “ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง” ผ่านหูผ่านตามาบ้าง
เขาเคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์แนวหน้าว่าเขาเป็นเด็กธรรมดาที่ชอบดนตรี เมื่อมีกิจกรรมที่โรงเรียน เขาก็มักจะร้องเพลง และเขาเคยประกวดร้องเพลงกับรายการสตาร์คอนเทสต์ของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 แต่กลับตกรอบ ก่อนที่เขาจะได้รับโอกาสอยู่ในวงแกรนด์เอ็กซ์ ซึ่งในขณะนั้นกำลังทำโปรเจ็กต์พิเศษที่ชื่อว่า “ขวดโหล” โดยทัชได้เข้าไปทำหน้าที่ร้องประสานเสียง ซึ่งจากจุดนั้น ทำให้เขาเริ่มเข้าสู่วงการจากการรู้จักโปรดิวเซอร์อย่าง “พี่ตึ๋ง เรืองยศ” ที่ชักชวนให้เขาเข้ามาเทสต์เสียงจนได้ออกอัลบั้มแรกกับชายคาที่ชื่อว่า “อาร์เอสโปรโมชั่น”
หากยังจำกันได้ ในปี 2533 เขาได้ออกอัลบั้มที่มีชื่อว่า “สัมผัสทัช” ซึ่งในอัลบั้มมีเพลงที่ดังอย่างเพลง “มือที่สาม” จนมาถึงอัลบั้มที่ 2 อย่าง “ทัช ธันเดอร์” ที่มีเพลงฮิตอย่าง “เท้าไฟ”
จนมาถึงปี 2537 ที่เขาได้โอกาสในการแสดงภาพยนตร์เรื่อง “เกิดอีกทีต้องมีเธอ” ซึ่งโด่งดังเป็นอย่างมากจนถึงขั้นต้องมีอัลบั้มรวมเพลงประกอบ
เมื่อมีจุดที่ดังที่สุด ย่อมมีจุดที่ตกต่ำที่สุด เพราะในปี 2540 เขาถูกจับกุมขณะมีสิ่งเสพติดในคอนโดมิเนียม ก่อนถูกแบนงานจากวงการเป็นเวลากว่า 2 ปี
ทัชเคยให้สัมภาษณ์กับผู้จัดการออนไลน์ว่า “สำหรับช่วงนั้นตัวผมเองก็รู้สึกเครียดมาก ค่อนข้างสับสน เหมือนมันมึน ๆ ไม่รู้จะหาทางออกยังไง เคยคิดนะ คิดไปต่างๆ นานา ว่าแฟนเพลงเราจะรู้สึกยังไง แฟนละครจะยังติดตามผมงานเราอีกไหม สังคมจะมองว่าเราเป็นไอ้ขี้ยาหรือเปล่า โห ! ความคิดมันมีสารพัด”
เมื่อกลับมาตั้งหลักได้ เขาก็กลับมาคุยกับทางต้นสังกัดเพื่อที่จะออกผลงานเพลงอีกครั้ง โดยลองเปลี่ยนแนวเพลงมาเป็นเพลงรักเก่า ๆ ที่นำกลับมาทำใหม่ในอัลบั้ม “ทัช มายไลฟ์” ซึ่งมีกระแสอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ และไมไ่ด้มากมายอะไร หลังจากนั้นไม่นาน จึงผันมาทางสายเพลงลูกทุ่ง ซึ่งเกิดจากการที่ทัชคุยกับทีมงานว่าจริง ๆ เขาสามารถฟังเพลงได้หลายแนว ไม่ได้จำกัดแค่แนวเพลงสตริง
ปัจจุบันทัชกลายเป็นศิลปินที่แฟนคลับให้การยอมรับ ทั้งงานด้านการแสดงที่บ่อยครั้งเขาก็ได้แสดงในละครเย็นของช่องวัน 31 และช่องอื่นๆ บ้าง หรือการกลับมาร้องเพลงเป็นระยะๆ สิ่งเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาคือคนมีของจริงๆ